TH | EN


วันที่เพิ่มข้อมูล : 20 march 2560
มีผู้เข้าชมทั้งหมด : 702 ครั้ง

ดีเอสไอ ยังไร้เงา “ธัมมชโย” ส่วนเรื่องสึกธัมมชโย ยังสับสน เจ้าคณะ จ.ปท

ดีเอสไอ ยังไร้เงา “ธัมมชโย” ส่วนเรื่องสึกธัมมชโย ยังสับสน เจ้าคณะ จ.ปทุมฯ พูดคนละทางกับ ผอ.สำนักพุทธฯ ! 
 
สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 12-18 มี.ค.2560
(บน) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำหมายค้นเข้าตรวจค้นอารามปริสุทโธ ใกล้วัดพระธรรมกาย ไม่พบพระธัมมชโย พบแต่เสื้อแขนยาวสีเหลืองคล้ายที่ธัมมชโยเคยใส่ (ล่างซ้าย) พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมเสน่ห์ ผอ.สำนักพุทธฯ (ล่างขวา) พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
        ความคืบหน้ากรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แถลงยุติการตรวจค้นวัดพระธรรมกายแล้วเมื่อวันที่ 10 มี.ค.หลังทางวัดยอมให้เข้าตรวจค้นซ้ำในพื้นที่ต้องสงสัย 3 จุด คือ โซน A โซน B และอาคารบุญรักษา แต่ไม่พบพระธัมมชโยแต่อย่างใด ขณะที่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ได้รับทราบกรณีมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ถอดถอนสมณศักดิ์พระธัมมชโย และพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ส่วนเรื่องการสละสมณเพศนั้น ให้คณะปกครองตามกฏมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 ข้อ 3 กรณีพระภิกษุประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนั้น
       
       เมื่อวันที่ 12 มี.ค. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี เข้าตรวจค้นอารามปริสุทโธ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนเลียบคลองสาม อยู่เลยประตู 4 และประตู 1 ของวัดพระธรรมกายประมาณ 3 กิโลเมตร หลังได้รับเบาะแสว่าอาจเป็นที่หลบซ่อนตัวของพระธัมมชโย แต่หลังการตรวจค้น ไม่พบพระธัมมชโยแต่อย่างใด พบเพียงเสื้อยืดแขนยาวสีเหลือง 2 ตัว คล้ายกับเสื้อแขนยาวที่พระธัมมชโยเคยใส่ อยู่ภายในห้องนอนของอาคารดังกล่าว
       
       วันต่อมา(13 มี.ค.) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ เผยว่า ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลว่าพระธัมมชโยออกนอกประเทศ ไม่ว่าจะเส้นทางปกติหรือเส้นทางธรรมชาติ และว่า หากได้รับข้อมูลว่าพระธัมมชโยหนีออกนอกประเทศ สามารถใช้กฎหมายฉบับใหม่ คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศ ขอให้ประเทศปลายทางส่งพระธัมมชโยกลับมาที่ประเทศไทย พ.ต.ต.วรณัน เผยด้วยว่า ฝ่ายสืบสวนจะทำงานอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะติดตามตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีตามหมายจับของศาลได้ พร้อมยืนยันว่า ยังมีความจำเป็นต้องประกาศมาตรา 44 ไว้ เนื่องจากภายในวัดและบริเวณโดยรอบ เป็นพื้นที่อ่อนไหว อาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ได้ ทั้งนี้ พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า ได้รับรายงานว่า มีการออกหมายจับพระธัมมชโยเพิ่มอีก 1 ข้อหาแล้ว คือ ข้อหาขัดคำสั่ง คสช.ไม่มารายงานตัวตามหมายเรียก
       
       วันเดียวกัน(13 มี.ค.) พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้นัดประชุมผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายทุกรูป พร้อมไวยาวัจกรและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ประชุมภายในวัดพระธรรมกาย โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมแต่อย่างใด
       
       ด้าน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมเสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวถึงการใช้กฎมหาเถรสมาคม(มส.) ฉบับที่ 21 ข้อ 3(1) กับพระธัมมชโยว่า หลังจาก พศ.ทำหนังสือเรื่องขอให้ใช้กฎ มส.ฉบับที่ 21 ข้อ 3(1) กรณีพระภิกษุประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องพระธรรมวินัยของพระธัมมชโยเสนอต่อที่ประชุม มส.แล้ว กระบวนการจากนี้ จะนำหนังสือร้องเรียนของหน่วยงานต่างๆ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดีเอสไอ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ที่ได้มายื่นเรื่องร้องเรียน ส่งถึงพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง จากนั้นเจ้าคณะใหญ่หนกลางจะแจ้งเรื่องไปยังเจ้าคณะปกครองตามลำดับชั้น จนถึงรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เพื่อดำเนินการพิจารณาตามขั้นตอนของกฏ มส.ฉบับที่ 21 คาดว่ากระบวนการดังกล่าวจะใช้เวลาไม่นาน
       
       พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวอีกว่า เมื่อเจ้าคณะใหญ่หนกลางส่งเรื่องถึงรักษาการเจ้าอาวาวสวัดพระธรรมกาย เพื่อดำเนินการตามกฏ มส.ฉบับที่ 21 แล้ว ไม่พบพระภิกษุรูปนั้นหรือพระภิกษุรูปนั้นไม่ยอมรับ ให้ปิดประกาศคำวินิจฉัย ณ ที่พำนักอาศัย ถือว่าทราบคำวินิจฉัยดังกล่าวแล้ว ต้องสละสมณเพศภายใน 3 วัน นับแต่วันถือว่าทราบคำวินิจฉัย หากไม่สละสมณเพศภายใน 3 วัน จะแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยต่อไป
       
       ทั้งนี้ พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวถึงกระแสข่าวสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลางมีคำสั่งให้สึกพระธัมมชโยเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ว่า เป็นอำนาจของคณะสงฆ์ และเจ้าคณะใหญ่หนกลางมีหนังสือให้มีการดำเนินการตามกฏ มส.ฉบับที่ 21 ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ โดยแจ้งไปยังพระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีแล้ว หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครอง
       
       อย่างไรก็ตาม ทางพระเทพรัตนสุธี กล่าวถึงข่าวเจ้าคณะใหญ่หนกลางสั่งการให้พระธัมมชโยสละสมณเพศว่า ไม่เป็นความจริง มีเพียงหนังสือสั่งการจากเจ้าคณะใหญ่หนกลางมาถึงตน ให้พระธัมมชโยปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และกฏมหาเถรสมาคม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเท่านั้น ไม่ใช่คำสั่งให้สึก และว่า ขั้นตอนการดำเนินการตามกฏ มส.ฉบับที่ 21 ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ เป็นอำนาจหน้าที่ของรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เนื่องจากขณะนี้พระธัมมชโยเป็นเพียงพระลูกวัดเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายรายงานเป็นหนังสือกลับมาว่า ยังไม่พบตัวพระธัมมชโย เมื่อไม่พบตัว ก็ยังไม่สามารถปฏิบัติตามกฏ มส.ฉบับที่ 21 ได้ เพราะมีสาระสำคัญว่า เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ให้เจ้าอาวาสผู้ปกครองแจ้งหรือกล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรแก่พระภิกษุรูปนั้น ดังนั้นเมื่อยังไม่เจอตัว จะแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรได้อย่างไร ต้องรอพบตัว ถึงสามารถปฏิบัติตามบทบัญญัติฉบับนี้ได้
       
       ด้านนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษ สำนักการสอบสวน เผยหลังประชุมคณะพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษที่เกี่ยวพันกับการฟอกเงินของวัดพระธรรมกายเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ว่า การประชุมระหว่างดีเอสไอและอัยการ เพื่อวางแนวทางการสอบสวนคดีฟอกเงิน ที่มีการนำเงินวัดไปซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง และคดีเกี่ยวกับทรัพย์ของมูลนิธิวัดพระธรรมกาย ซึ่งจะเป็นการแตกการสอบสวนเป็นคดีใหม่ โดยมีความชัดเจนว่า พระทัตตชีโวนำเงินออกจากบัญชีของวัดไปซื้อหุ้น โดยพระทัตตชีโวมีตำแหน่งเป็นรองเจ้าอาวาสและรักษาการเจ้าอาวาส จึงถือเป็นตำแหน่งเจ้าพนักงาน เข้าข่ายมีความผิดมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย